"อินุกามิ"
เป็นนิยาย BL ที่อิงเป็นคนแต่ง
เรื่องนี้จะเป็นความรักละหว่าง เทพ กับ มนุษย์
ซึ้งมันจะให้อารมณ์ออกไปในทางยุคเก่าๆ คล้ายๆ อินุยาฉะ อะไรประมาณนั้น
อินุกามิเนี่ย เป็นโปรเจ็คที่ยาวมากนะค่ะ เพราะตัวละครหลักของเรื่องนี้มีเยอะพอสมควร
และที่คิดพล็อตไว้ จะเขียนของทุกตัวละคร แบ่งเป็นซีรีย์ไป
และตัวละครย่อยๆก็มีด้วยเหมือนกัน แต่อาจจะเป็นแบบ ตอนพิเศษอะไรประมาณนั้น
แล้วนี้อิงก็เอา
Intro ของ ซีนีย์แรก
มาลง เพื่อขอความคิดเห็นจากผู้อ่าน หากมันน่าติดตามก็จะเขียนต่อไปจนจบทั้งหมด
“อินุงามิ”
บทนำ
“อาโอะ”
“อาโอะ เจ้าอย่าไปจากข้าเลยนะ ข้าอยู่ไม่ได้หากไม่มีเจ้า”
“อย่าร้องสิ มันจะทำให้ผมทำใจลำบากนะ”
“ผมมั่นใจ ถึงแม้ผมจะลืมคุณ แต่ผมจะไม่ลืมสัมผัสของคุณ”
“ยัตสึฟุสะ ผมรักคุณ นี่อาจจะเป็นคำบอกรักครั้งสุดท้ายของผม”
“ไม่ อาโอะ อย่าทิ้งข้าไปนะ อาโอะ!!!”
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบกับเพดานห้องนอนของตัวเองเหมือนกับทุกที
แต่ท่าทางของผมที่ยื่นมือออกไปนี่สิที่มันแปลก ผมหอบหายใจอยู่เพียงครู่
ก็ยันตัวเองให้ลุกขึ้น
“โอ๊ยปวดหัวชะมัด” ผมเอามือจับหัวตัวเอง
ในหัวมันเจ็บจี๊ดๆ
“ฝันแบบนี่อีกแล้ว” เฮ้อ
พอฝันแบบนี้ที่ไรก็จะรู้สึกเจ็บหัวทุกที อะ แต่ว่า สายขนาดนี้แล้วผมต้องรีบแล้วสิ
ผมตรงไปที่ห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัว แล้วตรงไปที่โรงเรียนเพื่อเข้าสอน ผมชื่อ
อากิซาโตะ อาโอะ เป็นครูสอนวิชา ชีววิทยา ที่โรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งใน เกียวโต
ผมสอนที่โรงเรียนแห่งนี้ได้ ครึ่งปีแล้ว
ตั้งแต่ผมย้ายมาที่นี่ก็มักจะมีอาการฝันประหลาดบ่อยๆ พอเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
มันก็จะหายไป พอตั้งใจจะนึกให้ออก มันก็ทำให้ผมเจ็บหัวขึ้นมา ผมไม่อยากเจ็บ
เลยเลิกที่จะนึกมันให้ออก
“กิ๊ง ก่อง” (เสียงอ็อดโรงเรียน)
“วันนี้พอแค่นี้ ขอให้สนุกกับปิดเทอมหน้าร้อนนะทุกคน” เด็กนักเรียนทุกคนต่างพากันดีใจกับปิดเทอมหน้าร้อน
ผมเองก็ดีใจเช่นกันที่ตัวเองจะได้พักบ้าง
“อาจารย์ ให้ผมช่วยถือของนะครับ” ผมหันไปตามเสียงก็พบกับเด็กนักเรียนในชั้นตัวเอง
ที่อาสาจะถือของให้ ด้วยใบอันหล่อเหล่า เด็กคนนี่ชื่อ ยามาโตะ โค คุง
ที่บ้านเขาเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งใหญ่ใน เกียวโต
เขาคนนี้สนใจในตัวผมและพยายามจีบผมอยู่ แต่แน่นอนผมไม่คิดจะคบกับเด็กหรอก
“ยามาโตะคุง” ผมยิ้มตอบให้อย่างเป็นมิตรและส่งของให้เขาถือ
แล้วเราก็เดินไปห้องพักครูด้วยกัน ตัวผมภายนอกจะเป็นคนยิ้มแย้มสดใสเสมอ
แต่นั้นมันก็แค่รอยยิ้มธุรกิจละนะ ตัวผมจริงๆแล้วออกจะขี้โมโหด้วยซ้ำ
ถ้าเป็นสมัยก่อนที่ผมเจอพวกผู้ชายมองผมด้วยสายตาหื่นกามละก็ ผมซัดหงายไปแล้ว
แต่ตอนนี่ผมโตเป็นผู้ใหญ่และยังเป็นครูด้วยแบบนี้ ต้องสงบสติอารมณ์และยิ้มเข้าไว้
“นี่อาจารย์ ปิดเทอมหน้าร้อนแล้ว เราไปเที่ยวกันเถอะ” ยามาโตะคุง ถามผมในระหว่างที่เราเดินไปห้องพักครูด้วยกัน
มาชวนไปเที่ยวสองต่อสองแบบนี่คิดจะรุกผมสินะ เดี๋ยวพอชกหน้าแหก
“ผมไปไม่ได้หรอก ในวันหยุดแบบนี่เธอน่าจะอยู่กับครอบครัวนะ” ผมปฏิเสธเสทด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม ใจเย็นไว้ อาโอะ เย็นไว้
“โธ่อาจารย์ ผมหล่อขนาดนี่ทำไมอาจารย์ไม่คิดจะใจอ่อนให้ผมบ้างเหรอ ผมน่ะ
ชอบอาจารย์จริงๆนะ” เขายังใช้ใบหน้าหล่อๆ รุกผมอยู่
อย่าคิดว่า หล่อ รวย หุ่นดีหน่อยจะทำอะไรก็ได้นะเฟ้ย โอ้ยอยากกระทืบจริงๆ
“ขอบใจนะ แต่ไม่ได้ก็คือไม่ได้” ผมยังส่งยิ้มสดใสให้เหมือนเดิม
โดยที่พยายามห้ามร่างกายตัวเองไม่ให้ไปทำร้ายเด็กนักเรียน
“งั้น ผมขอแค่ครั้งเดียวนะอาจารย์ ช่วยไปเดทกับผมแค่ครั้งเดียว
แล้วผมจะไม่ตามตื้ออาจารย์อีกเลย” เขาพยายามเหลือเกินเลย
ให้ตายสิรำคาญชะมัด
“เอ๋ จริงนะ ถ้าผมยอมไปเดทกับเธอ เธอจะเลิกตามผมสินะ” ผมส่งสายตาหวานใส่เขา เขาหน้าแดงขึ้นมาทันที
“จริงสิครับ” เขารีบตอบตกลงเสียงดังฟังชัด เอาเถอะ
มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร แถมมีคนเลี้ยงข้าวอีก ไปก็ไป จะได้ไม่โดนตามตื้ออีก
รำคาญจะแย่
“ถ้าอย่างนั้นผมตกลงก็ได้ครับ แต่แค่ครั้งเดียวนะ แล้ว ยามาโตะคุง
ต้องเลิกทำแบบนี่นะ” ผมยิ้มให้เขา เขาดูดีใจมากๆ เย้
จะหลุดพ้นแล้ว!!
“งั้นคืนนี่ทุ่มนึงเจอกันที่ศาลเจ้า ฟูชิมิ นะครับ” (ศาลเจ้า
ฟูชิมิ อินาริ ใน เกียวโต)
“อื้ม เจอกัน” ผมโบกมือบ๊ายบายเขา แล้วเขาก็โค้งให้ผม
ผมมานั่งที่โต๊ะของตัวเองในห้องพักครู แล้วเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน
“อาโอะคุง จะกลับแล้วเหรอ” เสียงใครคนหนึ่งทักผมขึ้น
ผมจึงหันไปยิ้มให้
“ครับ ผอ.” เฮ้อ ไอ้แก่นี้นี่เอง หน้าเบื่อเว้ย
ไปให้พ้น!!!
“คืนนี้เธอสนใจไปทานข้...”
“ผมลานะครับ ขอให้สนุกกับพักปิดเทอมหน้าร้อนนะครับ ทุกคนด้วยนะครับ”
ผมไม่สนใจคำพูดของไอ้แก่ และ
โปรยยิ้มไปให้ทุกคนตามแบบฉบับรอยยิ้มหากิน และรีบเผ่นออกมาทันที เฮ้อ
เกือบแย่ซะแล้วสิ กลับบ้านดีกว่ากลับบ้านๆ
ณ
ศาลเจ้า ฟูชิมิ 19:00 น.
ผมที่สัญญาว่าจะมาเดทกับ
ยามาโตะคุง หนึ่งครั้งเพื่อให้เขาเลิกตามตื้อผม ณ ตอนนี่ก็ถึงเวลานัดแล้ว
ผมเดินเข้ามาที่ศาลเจ้า บริเวณที่มีการจัดงานเทศกาล อาจจะมีการจุดดอกไม้ไฟขึ้น
บรรยากาศแบบนี้ รู้สึกอบอุ่นจัง รู้สึกว่ามันคุ้นเคย มัน... เอ๋ ภาพ
“โอ้ย เจ็บ...” อยู่ๆความรู้สึกเจ็บแปลบก็แล่นขึ้นมาที่หัวผม
มือของผมยกขึ้นไปจับหัวอย่างอัตโนมัติด้วยความเจ็บ ความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว
เอ๋นี่มัน ภาพ ผู้ชายสวม กิโมโน สีน้ำเงินเข็ม ผมสีเงินยาว
กำลังเดินเที่ยวชมงานเทศกาลกับเด็กหนุ่มคนนั้น โอ้ย
ผมรู้สึกเจ็บมากแต่เหมมือนว่าจะคิดอะไรออก ผมจึงพยายามที่จะฝืนความเจ็บและ
นึกถึงเหตุการณ์ต่อไป
“อาจารย์ครับ!!” ผมรู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียง
ยามาโตะคุง อยู่ไกลๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจตรงนั้น
ตอนนี้ในหัวผมมันมีแต่ภาพของสองคนนั้นอยู่เต็มไปหมด สองคนนั้น พูดคุยกัน
ยิ้มด้วยกัน โอบกอด และ... มอบรสจูบที่เต็มไปด้วยรักให้กัน สองคนนั้นเป็น...
ผมรู้สึกว่าไม่อยากรู้อะไรต่อไป
จึงสลัดความคิด และหยุดที่จะนึก
“ฟุบ” ผมที่ยืนไม่อยู่ ก็เอนตัวไปพิง ยามาโตะคุง
ที่วิ่งมารับผมไว้ได้พอดี
“อาจารย์เป็นอะไรไปครับ ดูท่าทางไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าครับ” ยามาโตะคุง พาผมมานั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ และคอยดูอาการของผม
“แค่หน้ามืดนะ ลมร้อนมันพัดมา ผมคงจะไม่ถูกกับอากาศร้อนๆ ฮ่าๆๆๆ” ผมขำกลบเกลื่อน จะให้บอกได้ไง
ว่าอยู่ๆก็เห็นภาพผู้ชายสองคนพลอดรักกันในหัว โดนหาว่าเป็น โฮโม แน่นอน
แล้วยิ่งเป็นหมอนี่อีก โดนจับกดไม่ทันได้รู้ตัวแน่ๆ
“งั้นเหรอครับ อาจารย์ คุณโอเคหรือเปล่า”
“อื้ม ไม่เป็นไรหรอก ผมหายแล้วละ” เขาทำสีหน้าเป็นกังวล
ดูวิตกมาก พอมองแบบนี้เขาก็น่ารักดี อาจจะไม่ได้เลวร้ายอะไร
“น่าๆ ผมหายแล้วจริงๆนะ” ผมยื่นมือไปลูบหัวเขา
แล้วยิ้มให้ เขามองผมอย่างเขินอาย หน้าเขาเริ่มมีสีแดงขึ้นมา
“อะ...อาจารย์อยากไปที่ไหนก่อนครับ” เขาถามขึ้นมาเหมือนจะปกปิดอาการเขินอาย
ฮ่าๆ เขาก็น่ารักดีนี่หน่า
“ไปเดินเล่นแถวประตู อิโทริ กันเถอะ” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้
แล้วหันไปยิ้มให้เขา
“ครับ” เขาตอบรับแล้วยิ้มให้ผม
แล้วเราก็เดินไปที่นั้นด้วยกกัน ประตูอิโทริ มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร ผมชอบที่นี่นะ เพราะมันหน้าเหลือเชื่อ เหมือนเดินไปเรื่อยๆ
โดยที่คิดอะไรไปเรื่อยๆแต่ไม่ได้น่าเบื่อเลย รู้สึกคิดถึงจัง เอ๋ คิดถึง ทำไมกัน
เคยมาที่นี่เหรอ ?? หรือยังไงกันนะ ไม่เห็นจะเข้าใจ
ผมทำท่าคิดสงสัย เอียงคอนึก ว่าทำไม?
“อาจารย์ครับ” ยามาโตะคุงเรียกชื่อผม
ผมจึงหลุดออกจากความคิดแล้วหันไปหาเขา
“หืม? อะไรเหรอยามา เห้ย” อยู่ๆไอเด็กนี่ก็พุ่งเข้ามา
ผลักผมชนกับเสาประตูแล้วล็อกตัวผมเอาไว้ แย่ละสิ คิดอะไรเพลินไปหน่อย
ดันหละหลวมซะได้ โอ๊ย ไอบ้านี้แรงเยอะชิบ ผมพยายามดิ้นให้หลุดแต่เขาตัวใหญ่เกินไป
“นี่ ยามาโตะคุง ทำแบบนี่ไม่ดีนะ ปล่อยฉันเถอะ” ผมยิ้มและใช้เสียงพูดแบบสุภาพ
เผื่อเขาจะยอมปล่อยผมไป
“อาจารย์นี่คุณจงใจสินะ จริงๆแล้วคุณก็ชอบผมใช้ไหม” เขาจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่จริงจังจนเกือบจะกลายเป็นหน้ากลัว
“ยามาโตะคุง เธอพูดอะไร” ผมรู้สึกตะลึงกับใบหน้านั้น
จนไม่รู้จะพูดยังไง
“อาจารย์ยิ้มให้ผม ลูบหัวผม และสนิทกับผม ที่ยอมตามผมมา
และยังพามาที่เปลี่ยวๆแบบนี้ คุณเองก็คิดแบบเดียวกับผมสินะ” เขาพูดแบบนั้นแล้วเริ่มไซ้ลงมาที่คอผม
ไอเด็กนี่มันพูดอะไรของมัน
“ไม่ อย่านะ อายาโตะคุง”
ผมปัดป้องเต็มที่และพยายามจะดิ้นให้หลุด
“อาจารย์ ผมชอบอาจารย์ ขอผมเถอะนะ” เขาพูดแบบนั้นแล้วล่วงมือเข้ามาในเสื้อผม
ลูบคล่ำไปทั่วตัวผม และเริ่มจะปลดกางเกงผม
“ยามาโตะ แก หยุดนะ ปล่อย ไม่งั้นฉันฆ่าแกแน่”
สติผมขาดสะบั้น ผมใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกไปและวิ่งหนีสุดแรง
“อาจารย์!!! เดี๋ยว” เขาตะโกนและวิ่งตามหลังผมมา
ผมไม่สนใจและวิ่งต่อไปเรื่อยๆ วิ่งไปเรื่อยๆตอนนี่ผมรู้สึกว่าเขาคงไม่ตามผมมาแล้ว
“ค่อยยังชั่วหน่อย เวรเอ๊ย เกือบไปแล้วไหมละ” ผมบ่นกับตัวเองนิดหน่อยและคิดว่าตัวเองคงต้องกลับซะที
แต่ว่า แต่ว่า แต่ที่นี่มันนี่ไหนกันละ ผมวิ่งขึ้นมาตามทางเดินของประตูเรื่อยๆ
เท่าที่จำได้ แล้วไหงผมมองไปรอบๆถึงเห็นแต่ป่าแบบนี่ละ
“ตายละ” ผมพยายามเดินหาทางออก
แต่เหมือนยิ่งเดินยิ่งลึกเข้าไปทุกที
“ทำไงดีละทีนี่” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนั่งลงกับพื้นด้วยความเหนื่อย
ว๊ากกก ผมขยี้หัวตัวเองด้วยความโมโห อย่าให้กลับไปได้นะ พ่อจะเตะให้หงายเลย ย๊ากกก
“มาทำอะไรตรงนี่เหรอเจ้าค่ะ!” ผมสะดุ้งด้วยเสียงปริศนา
แล้วหันไปมอง ก็พบ หญิงงามสองคน เหมือนกันเลย แฝดเหรอ
แต่งตัวเหมือนคนสมัยก่อนเลยแฮะ หาดูยากจัง
“อา ผมหลงทางน่ะครับ” ผมตอบความจริงออกไปและยิ้มด้วยรอยยิ้มหากินเหมือนเดิม
หวังว่าคงจะช่วยอะไรผมได้บ้าง
“หลงทางอย่างนั้นเหรอเจ้าค่ะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว
ยังไงก็ไปพักที่บ้านของพวกเราก่อนเถอะ” ว้าว ลัคกี้!!
ผมเดินตามพวกเธอไปอย่างว่าง่าย รอดตายแล้วเรา ToT พวกเธอเดินนำผมไปสักพักหนึ่งก็มาหยุดอยู่ตรงกระท่อมหลังหนึ่ง
“ที่นี่แหละ” ผมมองไปข้างหน้าก็พบกับกระท่อมหลังหนึ่ง
มันก็ไม่เล็กมาก แบบอาศัยนอนหลายๆคนสบาย
“เชิญไปนั่งพักก่อนนะเจ้าค่ะ เราจะเตรียมอาหารมาให้”
“ครับ ขอบคุณมาก” เธอพูดแบบนั้นแล้วเดินออกประตูไป
นั้นคงเป็นอีกห้องหนึ่ง คงเป็นห้องครัวละมั้งนะ ผมเดินไปนั่งลงตรงกลางบ้าน
มองซ้ายมองขวา เก่าจังแฮะที่นี่ พี่น้องนั้นอาศัยอยู่กลางป่าเขานี่กันแค่สองคนงั้นเหรอ
เก่งจังเลยน่า ว่าแต่มืดแบบนั้นออกไปทำอะไรละ
“มาแล้วเจ้าค่ะ เชิญทานอาหาร” แว้กกก มาเมื่อไหร่
ตกใจหมด เกือบหัวใจวายตาย
“คะ ครับ” ผมสงบสติแล้วเริ่มทานอาหารสองคนนั้นก็ยิ้มให้ผมแล้วนั่งดูผมทานอาหาร
ไม่ทานด้วยกันหรือไง นั่งดูอยู่แบบนั้น ต้อนรับแขกดีจัง
“ไม่ทานด้วยกันเหรอครับ” ผมยิ้มแล้วถามออกไป
“ไม่ละเจ้าค่ะ เชิญท่าน อาโอะ ตามสบายเจ้าค่ะ”
พูดว่าเจ้าค่ะ ด้วย สมัยนี่นี้นะ ว่าแต่ สมัยนี่แล้วยังแต่งตัวแบบโบราณ
แล้วยังกระท่อมนี่อีก สมัยนี่เขาไม่มีกัน ละ แล้ว เห้ย เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน
ทำไมเธอถึงรู้ชื่อเราละ ผมสะดุ้งด้วยความคิดและ วางอาหารลง
“พวกคุณ ทะ ทำ ทำ ไม” เอ๊ะ ทำไมอยู่ๆ ผมก็ หน้ามืด
ผมรู้สึกเวียนหัว ภาพเบลอไปหมด ผมจับที่คอตัวเอง คอแห้งผาก ยาเหรอ
นี่ผมโดนวางยางั้นเหรอ ไม่ไหวแล้ว สติ จะ...
“ยินดีต้อนรับกลับ ท่านอาโอะ” ยินดีต้อนรับกลับ
อย่างนั้นเหรอ มันหมายความว่าอะไร นั้นเป็นทำพูดสุดท้ายที่ผมได้ยิน จากนั้น
ผมก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย...
ลงแค่ บทนำ ไว้ก่อนนะค่ะ หากมันน่าติดตามจะเขียนต่อ แต่อิงจะเขียนให้จบทีเดียวแล้วค่อยนำมาทยอยลงนะค่ะ เพราะไม่สามารถคิดสดได้ อิงจะคิดไปแก้ไปเรื่อยๆ เพราะงั้นจึงต้องรอให้เสร็จทั้งหมดถึงจะสามารถนำมาลงได้
ฝากติชมด้วยนะค่ะ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น